คำแนะนำในการเช็คเบี้ยประกันรถยนต์

เช็คเบี้ยประกันรถยนต์

ประกันมีด้วยกันหลากหลายประเภท เช่นประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันออมทรัพย์ ประกันบ้าน ประกันรถยนต์ ในปัจจุบันนี้คนเริ่มเห็นค่าความสำคัญของการทำประกันมากขึ้นเพราะด้วยความที่สังคมปันจุบันใช้ชีวิตกันด้วยความเร่งรีบและประมาทในการใช้ชีวิต โดยที่ไม่รู้ว่าการใช้ชีวิตด้วยความประมาทอาจมีเหตุต่างๆเกิดขึ้นกับเราได้เสมอการทำประกันไว้ถือเป็นการคุ้มครองต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆขึ้นกับเรา ประกันจะมีการชดเชยในส่วนของค่าเสียหายให้ทำให้เราแบ่งเบาภาระลงได้ไม่มากก็น้อย หลายๆท่านรู้จักในเรื่องข้อดีของการทำประกันชีวิตในประเภทต่างๆแล้ว มีประกันอีกชนิดที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์เป็นสิ่งที่คนที่มีรถทุกคนควรมีไว้เพราะเวลาเกิดเหตุการณ์ชนกันบนท้องถนนความเสียหายที่เกิดขึ้นย่อมต้องมีค่ารักษาและค่าซ่อมบำรุงตามมาซึ่งถ้าเราไม่ได้ทำประกันรถยนต์ประเภทต่างๆไว้จะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าซ่อมที่บางครั้งแพงกว่ารถที่เราซื้อมาเสียอีก ไม่เพียงแต่รถเราเท่านั้นยังต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นของฝั่งตรงข้ามอีกด้วย นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องทำประกันรถยนต์

ก่อนที่เราจะทำประกันรถยนต์ประเภทต่างๆนั้น เราอาจจะอยากรู้ในเรื่องของเบี้ยประกันรถยนต์ที่เราต้องจ่ายเป็นรายปี ซึ่งเราสามารถเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ได้จากในเว็บไซต์ต่างๆได้โดยการกรอกข้อมูล ยี่ห้อรถ รุ่นรถ และปีของรถที่เราขับอยู่ระบบก็จะแสดงในส่วนของเบี้ยประกันรถยนต์ในแต่ละประเภทที่เราต้องการมาให้เลือก ประเภทของประกันแต่ละชนิดจะมีเบี้ยประกันแตกต่างกัน ซึ่งแต่ละประเภทก็มีความคุ้มครองที่แตกต่างกันไปตามราคา ยกตัวอย่างการเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ยี่ห้อ Toyota รุ่นVios ปีรถ2005 แบบประกันภัยที่ต้องการเช็คคือแบบ 3plus โดยประกันชนิดนี้เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยได้ใช้รถมากนักหรือคนที่มีความเชี่ยวชาญในการขับรถยนต์มาพอสมควรเพราะประกันชนิดนี้ไม่คุ้มครองในกรณีที่เราขับชนอย่างอื่นที่ไม่ใช่รถยนต์ และมีวงเงินการคุ้มครองที่จำกัด ค่าเบี้ยประกันดังกล่าวจะอยู่ที่ราวๆ 6000-8000 บาท ซึ่งแล้วแต่บริษัทผู้ประกันด้วยแต่ละบริษัทจะมีอัตราการคิดเบี้ยประกันไม่เท่ากัน

การเช็คเบี้ยประกันรถยนต์เป็นสิ่งที่เราควรทำก่อนการซื้อประกันรถยนต์ นอกจากเราจะสามารถเช็คได้จากทางเว็บไซต์ต่างๆแล้วยังสามารถทำได้โดยเช็คกับทางตัวแทนขายประกันรถยนต์ของยี่ห้อนั้นโดยตรง ซึ่งเราควรเปรียบเทียบให้ดีในเรื่องของประเภทของประกันและในส่วนของการรับประกันว่าแตกต่างกันอย่างไรจึงค่อยตกลงทำจะดีที่สุด